รัฐบาลเล็งส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมทั่วประเทศ

พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ ด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานราก สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกิจการที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อผลิตสินค้า หรือให้บริการ ส่งเสริมการจ้างงาน โดยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อสร้างกำไรอย่างเดียว แต่เพื่อแก้ปัญหาพัฒนาชุมชน สังคม หรือสิ่งแวดล้อม ด้วย

“ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณตามโครงการตำบลละ 5 ลบ. และกองทุนหมู่บ้าน ๆ ละ 1 ลบ. ซึ่งมีหลายชุมชนนำไปสร้างร้านค้าชุมชน โรงสีชุมชน ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ โดยชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน บริหารจัดการกันเอง ทำให้เกิดกำไรและการหมุนเวียนรายได้ มีการนำไปลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกิจการ เกษตรกรสามารถนำผลผลิตไปแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม และจ้างงานกันเองในท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนเพื่อให้เกิดความยั่งยืน และสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นบรรษัทชุมชนได้ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี”

พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีแผนจะคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนประมาณ 350 แห่งจากทั้งหมด 70,000 แห่ง ที่มีแนวโน้มเป็นกิจการเพื่อสังคม เข้าสู่กระบวนการให้ความรู้และพัฒนาเป็นกิจการเพื่อสังคมในรูปแบบองค์กรชุมชน (Community Social Enterprise) เพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมของรัฐบาล เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของวิสาหกิจ และสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นต้น

“ท่านนายกฯ มอบหมายให้ กษ. และ สนง.สร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) ร่วมกันเร่งรัดส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนพัฒนาเป็น วิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ให้ประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับชุมชนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเร็ว และส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมในแต่ละพื้นที่รวมกลุ่มกันให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยหน่วยงานรัฐคอยให้การสนับสนุน ตามแนวทางประชารัฐ รวมทั้งยกระดับกลุ่มวิสาหกิจให้เป็นศูนย์ธุรกิจเฉพาะด้าน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น ส่งเสริมศูนย์อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร คลังสินค้า และการขนส่ง ใน จ.สระแก้ว เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของกัมพูชา ในเขตปอยเปต โอเนียง

นอกจากนี้ ยังได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การลงทุนร่วมกับวิสาหกิจ บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่วิสาหกิจ โดยสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามที่กำหนดไว้” 

ข่าวจากโพสต์ทูเดย์ 26 มีนาคม 2559

ผู้เข้าชม  2028