ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการพัฒนาตลาดทุน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ ในฐานะแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบการทุกขนาด และเป็นแหล่งบริหารเงินออมเพื่อความมั่นคงทางการเงินของชีวิตคนไทย (Fruitful Growth) ยังได้ดำเนินบทบาทคู่ขนาน ที่ทำให้มั่นใจได้ว่า การเติบโตก้าวหน้าทางเศรษฐกิจนั้น มีความยั่งยืน กว้างขวาง และเป็นไปเพื่อประโยชน์ กล่าวคือ นอกเหนือไปจากมิติทางเศรษฐกิจ ยังคำนึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ การสร้าง “ความสมดุล” ให้กับองค์ประกอบอื่นในระบบนิเวศของโลก ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม พืช หรือสัตว์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของการคงอยู่อย่างยั่งยืน (Sustainability) ของ(สมดุลโลก Meaningful growth)
การทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว จุดที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรง กล่าวคือ การทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุน โดยทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มให้ความรู้ ส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจเหล่านั้น ให้ความสำคัญ เรียนรู้ และปรับใช้แนวคิดเรื่องความยั่งยืนให้ผสมผสานอยู่ในวิสัยทัศน์ และกลยุทธหลักของการพัฒนาธุรกิจ โดยเริ่มจากการมีบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) ในการบริหารงาน การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการดำเนินงานในทุกๆ ขั้นตอนการทำงาน เพื่อให้มิติทางสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นอีกปัจจัยที่ต้องดูแลในกระบวนการดำเนินกิจการ (CSR in process) รวมทั้ง ส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการที่ร่วมพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการให้ธุรกิจมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคม (contribute to social solution) ทั้งนี้ ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ดำเนินการและทำงานร่วมกับบริษัทจดทะเบียน ในการพัฒนางานด้าน ESG (Environment, Social, Governance) มาโดยตลอด ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้าเป็นสมาชิกของ UN Sustainable Stock Exchange ในปี 2016 ซึ่งนับเป็นประเทศแรกในอาเซียน และได้ผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนไทย อ้างอิงอยู่บนมาตรฐานการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนของโลก ไม่ว่าจะเป็น Dow Jones Sustainability Indices หรือ ASEAN Corporate Governance Scorecard นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังทำหน้าที่ในการให้ความรู้ วางแนวทาง การให้คำปรึกษาในการปรับกลยุทธธุรกิจให้มีความยั่งยืน เผยแพร่แนวคิด รวมทั้งเชิดชูองค์กรที่มีการดำเนินการด้านความยั่งยืนโดดเด่น ในรูปแบบของรางวัลเกียติยศ เพื่อเป็นต้นแบบและส่งเสริมการเรียนรู้ต่อยอดต่อไป
SET Social Impact “Impact Multiplier”
อย่างไรก็ดี การทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในด้านการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยังได้ขยายขอบเขต ไปสู่ภาคสังคมนอกเหนือจากผู้ร่วมตลาดทุน (Stakeholder) โดยผ่าน SET Social Impact platform โดยเริ่มขับเคลื่อนโฉมใหม่ของการขยายผลลัพธ์ทางสังคมตั้งแต่ปี 2016 ภายใต้แนวคิด “Social Impact Multiplier” กล่าวคือ เป็นการนำเอาศักยภาพเดิมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนความมั่งคั่ง โดยพัฒนาให้เป็นตัวกลางในการขยายเครือข่าย ขยายความร่วมมือ เพื่อขยายผลลัพธ์ทางสังคม ให้กว้างขวางไม่มีที่สิ้นสุด คำว่า Multiplier จึงหมายถึง “การทวีคูณผลลัพท์” จากการเชื่อมต่อคุณค่าของแต่ละองค์กร หรือการร่วมกันสร้างนวัตกรรมทางสังคม โดยเน้นให้การแก้ไขปัญหาสังคมผ่านการขับเคลื่อนด้วยกลไกธุรกิจ รวมทั้ง การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) เพื่อส่งเสริมให้เกิด Social Impact investment สร้างความยั่งยืนในการรับมือกับปัญหาทางสังคม และเป็นการผนวกการทำงานคู่ขนานระหว่างภาคสังคมและภาคธุรกิจ ซึ่งแตกต่างจากการขับเคลือนด้วยกลไกองค์กรการกุศลในอดีต
SET Social Impact = Impactful Platform
การทำงานของ SET Social Impact อยู่ในรูปของแพลตฟอร์ม ที่มีจุดเริ่มต้นจากการพัฒนาช่องทาง Online ในรูปของ Website และ Facebook เพื่อสร้างการเข้าถึงเรื่องราว ความรู้ และกิจกรรมร่วม เพื่อให้เกิดความร่วมมือสร้างสรรค์การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยออกแบบให้พื้นที่ดังกล่าว เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ อันจะนำไปสู่ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้ประกอบการทางสังคม Social Enterprise หรือ Impact Creator และผู้ประกอบธุรกิจ (Business sector) โดยนำเสนอการทำงานด้านสังคมของทั้ง 2 กลุ่มองค์กร
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาและดำเนินการ การขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างผลลัพธ์ทางสังคม ได้แก่ การส่งเสริมศักยภาพ (Ability Building) ในการเป็นผู้ประกอบการทางสังคมให้กับ นักธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโครงข่ายการเรียนรู้ในสถาบันอุดมศึกษา (SE101@University), โปรแกรม SE102 ติวเข้มเพื่อฝึกทักษะสู่การเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ (กทม./ตจว) และโครงการ SET Social Impact Gym ที่ส่งเสริม SE ให้ลงมือทำธุรกิจ สร้างศักยภาพในการเป็นนักธุรกิจจริง (Entrepreneurship) บนการสนับสนุนช่วยเหลือจากผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจใน ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ และผู้เชี่ยวชาญ (expert) เฉพาะด้าน ในรูปแบบ Coaching & Mentoring System ส่งเสริมโอกาสความร่วมมือ (Workability) ระหว่างภาคสังคมและภาคธุรกิจ โดยแพลตฟอร์มเป็นตัวกลางในการพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ การนำเสนอ และพัฒนาความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาสังคมร่วมกัน ด้วยการร่วมออกแบบ (co-creation) เพื่อเชื่อมต่อห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ในลักษณะต่าง ๆ เช่น โครงการร่วม การแบ่งปันความรู้ การร่วมลงทุน (Social Investment) การบูรณาการ Social Enterprise ใน value chain และ Showcase การสร้างนวตกรรมทางสังคม เป็นต้น
แพลตฟอร์มนี้ จึงถูกขับเคลื่อนด้วยผู้ร่วมนำเสนอตัวตนบนพื้นที่ ทั้งที่เป็น Online และ Offline การเปิดกว้างเพื่อรับการต่อยอด หรือเพื่อนำศักยภาพที่องค์กรของตนมีอยู่ มาร่วมสร้างสรรค์การทำงานร่วมกัน สร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ที่พร้อมที่จะเดินร่วมกัน ในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมอย่างยั่งยืน การดำเนินการดังกล่าวได้ตอบเป้าประสงค์การพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ UN Sustainable Development Goal ในการที่แต่ละประเทศควรมีส่วนในการแก้ไขปัญหาของโลกไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม สังคม และมนุษยชน
Impact Platform toward Sustainable Consumption
SET Social Impact ยังเป็นอีก “จุด” (dot) ความพยายาม ในการสร้าง “แนวร่วม” การแก้ไขปัญหาสังคมด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยมุ่งหวังให้ “ทุกองค์กร” เกิดการเรียนรู้ ร่วมรับรู้ ร่วมปรับพฤติกรรม และร่วมผลักดัน แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในบริหารจัดการทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า
Climate Care Platform แพลตฟอร์มบริหารจัดการลดก๊าซเรือนกระจกในองค์กร ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นเครื่องมือส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกในองค์กรตั้งแต่การวางแผนการจัดการทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และการจัดการขยะของเสียอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการกำหนดเป้าหมาย บันทึกข้อมูลกิจกรรมการลด คำนวณ และสรุปผลการลดก๊าซเรือนกระจก