หมู่ 5 ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
“สร้างป่า สร้างอาชีพของชุมชน"
---------------------------------------------------------------------------------------------
| พื้นที่ปลูก : แปลงปลูกที่ 1 : 4 ไร่
: แปลงปลูกที่ 2 และ 3 : 7 ไร่
: แปลงปลูกที่ 4 : 6 ไร่
| เริ่มปลูกแปลงที่ 1 : สิงหาคม 2564
| เริ่มปลูกแปลงที่ 2 และ 3 : สิงหาคม 2565
| เริ่มปลูกแปลงที่ 4 : สิงหาคม 2567
| ความสูงต้นไม้ : ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2567
แปลงปลูกที่ 1 : (4 ไร่) เฉลี่ย 1.2-1.5 เมตร บางต้นสูงถึง 4.5 เมตร
และมีขนาดความโต (เส้นรอบวง) อยู่ระหว่าง 5-14 เซนติเมตร
แปลงปลูกที่ 2 และ 3 : (7 ไร่) ต้นไม้มีความสูงอยู่ระหว่าง 60-2.5 เมตร
และมีขนาดความโต (เส้นรอบวง) อยู่ระหว่าง 5-10 เซนติเมตร
แปลงปลูกที่ 4 : (6 ไร่) ต้นไม้มีความสูงอยู่ระหว่าง 40-100 เซนติเมตร
และมีขนาดความโต (เส้นรอบวง) เฉลี่ย 2 เซนติเมตร
| อัตราการรอดตายของต้นไม้ ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2567
แปลงปลูกที่ 1 : (4 ไร่) อัตรารอดตาย 71%
แปลงปลูกที่ 2 และ 3 : (7 ไร่) อัตรารอดตาย 73%
แปลงปลูกที่ 4 : (6 ไร่) อัตรารอดตาย 95%
**หมายเหตุ จะมีการปลูกซ่อมทดแทนต้นไม้ที่ตายในฤดูฝนปีถัดไป (พฤษภาคม 2568)
---------------------------------------------------------------------------------------------
Update : การสนับสนุน การปลูก การดูแลและติดตามผลการเติบโต
---------------------------------------------------------------------------------------------
การสนับสนุนจากองค์กรภาคธุรกิจ ในแปลงที่ 1
ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน หมู่ 5 ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อปลูกต้นไม้จำนวน 3.5 ไร่ จากกองทุนบัวหลวง (บลจ.บัวหลวง) และบริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนงบประมาณแก่โครงการ Care the Wild โดยมีวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน เป็นองค์กรผู้ปลูกป่าในพื้นที่ป่าชุมชนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน
การสำรวจพื้นที่ร่วมกัน
เมื่อ 26 มิถุนายน 2563 ทีมงานโครงการ Care the Wild กรมป่าไม้ ร่วมสำรวจพื้นที่ปลูกป่าและศักยภาพชุมชน ถอดบทเรียนร่วมกับผู้ใหญ่สุปราณี คาทิพาที ประธานกลุ่ม และประธานคณะกรรมการป่าชุมชน ฯ และสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนฯ โดยภาพรวมป่าชุมชนหนองทิศสอน หมู่ที่ 5 ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม มีพื้นที่เพื่อปลูกป่าในโครงการ Care the Wild จำนวน 2 แปลง รวม 297 ไร่ มีเอกลักษณ์ชุมชน “ใช้ผืนป่าเพาะกล้าไม้ สร้างเศรษฐกิจชุมชน” สร้างอาชีพรายได้จากการเพาะขายกล้าไม้ และเป็นชุมชนที่รักป่า มุ่งสร้างผืนป่าด้วยกำลังของชุมชน โดยไม่รอการจัดสรรงบ ทั้งนี้ ชุมชนมีโครงการปลูกป่าที่ทำงานร่วมกับภาคเอกชนและรัฐ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง อาทิ การทำงานร่วมกับสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. / สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.มหาสารคาม โดยสามารถเพิ่มผืนป่าได้ กว่า 500 ไร่ ในพื้นที่ช่วงที่ผ่านมา
สภาพพื้นที่ป่าชุมชนและการทำงานในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองทิศสอน มีสภาพพื้นที่เป็นที่เนินสลับที่ราบ มีพื้นที่สาธารณประโยชน์จำนวน 2,515 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์มากถึง 1,406 ไร่ ได้จัดตั้งเป็นพื้นที่ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน และมีพื้นที่โดยรอบป่าชุมชนที่มีสภาพเสื่อมโทรมจากการเข้าทำประโยชน์ของเกษตรกรที่มีที่ดินรอบพื้นที่เพื่อทำการเกษตร ซึ่งปัจจุบันได้คืนให้กลับชุมชนเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ โดยพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกนำมาฟื้นฟูปลูกป่าทดแทนให้กลับมาเป็นป่าธรรมชาติ และจัดสรรพื้นที่บางส่วนให้กลุ่มอาชีพในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอนมีเอกลักษณ์ชุมชน สร้างอาชีพรายได้จากการเพาะขายกล้าไม้ ซึ่งใช้เมล็ดพันธุ์จากป่าชุมชน
กระบวนการปลูกและการบริหารจัดการน้ำแปลงที่ 1
วิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชน ร่วมกันวางแผนการปลูก เตรียมการปลูก และดำเนินการปลูกได้สำเร็จลุล่วงเป็นไปตามแผนที่กำหนด แล้วเสร็จเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
การทำแปลงทดลอง ขนาด 40 ตรม. ในพื้นที่ปลูกป่า
ชุมชนบ้านหนองทิศสอน ได้จัดทำแปลงทดลองการปลูกพืชกินได้ ตระกูลถั่ว ฟักทอง ในพื้นที่ปลูกป่า เพื่อให้ระบบรากเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน และใช้ใบห่มคลุมป้องกันแดดเพื่อเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ ซึ่งจะทำให้ต้นไม้เติบโตอย่างดีเพราะมีความชื้นในดินสูง โดยให้ทดลองทำในพื้นที่ปลูกใหม่ เพื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่ไม่ได้ปลูก จะเห็นอัตราการเติบโตต้นไม้ที่สูงกว่า 3 - 4 เมตรในปีเดียว ทั้งนี้ ผลการทดลองอาจเป็นศูนย์การเรียนรู้ เป็นแหล่งอาหาร และสามารถใช้คำนวณผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ เป็นมูลค่าและคุณค่าทางโภชนาการ เก็บข้อมูลทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมด้วย โดยพื้นที่จ.มหาสารคาม มีความเค็มสูง อาจเป็นสาเหตุให้ต้นไม้ตาย จึงเป็นพื้นที่การศึกษาที่จะเป็นประโยชน์และเป็นต้นแบบได้ต่อไป
ผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มวิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน ปรึกษาและวางแผนการทำงาน เพื่อให้แผนงานถูกต้องตามหลักวิชาการ
เตรียมกล้าพันธุ์ ใช้กล้าไม้ที่วิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนเพาะในการปลูกลงพื้นที่แปลงปลูก 4 ไร่ โดยเป็นกล้าพันธ์ุข้ามปีที่แข็งแรง ความสูงเฉลี่ย 40 - 60 เซนติเมตร
วางแนวหลักสเต็กไม้ไผ่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปลูกต้นไม้ในที่ว่าง โดยหลีกเลี่ยงการปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมและถูกต้องตามหลักวิชาการ
ขุดหลุมปลูกขนาด 30X30X30 เซนติเมตร ในพื้นที่ที่จะวางแนวหลักสเต็กไม้ไผ่
ใส่ดินดำ ปุ๋ยหมัก และวัสดุรองก้นหลุมจำนวน 1 กิโลกรัม/หลุม
ชาววิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชน ร่วมปลูกกล้วยเพื่อเป็นไม้พี่เลี้ยง ระยะ 4X4 เมตร จำนวน 400 หน่อ และปลูกต้นไม้ตามพันธุ์ไม้ที่ทางชุมชนได้คัดสรรไว้ โดยดำเนินการปลูกระยะ 4X2 เมตร
---------------------------------------------------------------------------------------------
ผลสำเร็จการปลูกป่าจำนวน 4 ไร่แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน บำรุงดูแลรักษาต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้มีอัตราการรอดตายสูงสุด และดูแลต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี และมีการปลูกซ่อมเสริมกรณีต้นไม้ตาย โดยมีเป้าหมายต้นไม้ที่ปลูกมีอัตราการรอด 100 เปอร์เซ็น
ผลลัพธ์ต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม
จากการสนับสนุนของภาคธุรกิจ ในการระดมทุนเพื่อปลูกต้นไม้ในป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุม 349-3-08 ไร่ สร้างผลสำเร็จการปลูกป่าจำนวน 3.5 ไร่ ด้วยต้นไม้กว่า 700 ต้น ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 6,300 กิโลกรัมคาร์บอนไดซ์ออกไซต์เทียบเท่า สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนบ้านหนองทิศสอน หมู่ 5 มีสมาชิก 132 ครัวเรือน ดูแลพื้นที่ป่าชุมชน จำนวน 2,515 ไร่ ครอบคลุมประโยชน์จากป่า เป็นแหล่งอาหาร ชุมชนในและรอบข้างพื้นที่ป่าใช้ประโยชน์ในการสร้างรายได้ และต่อยอดการเพาะกล้าไม้เพื่อสร้างรายได้ของวิสาหกิจฯ และหมู่ 6 ,7, 8 , 9 ,17 ประมาณกว่า 900 ครัวเรือน ขยายไปถึง ต.หนองกุง ต.สันป่าตอง คาบเกี่ยว จ.ขอนแก่น จ.บุรีรัมย์
---------------------------------------------------------------------------------------------
การติดตามผลการปลูกครั้งที่ 1 # พฤษภาคม 2565