ปัจจุบันองค์กรธุรกิจชั้นนำทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) เนื่องจากลูกค้าและสังคมมีความคาดหวังสูงขึ้น รวมทั้งกฎกติกาของโลกที่เรียกร้องให้ทุกคนร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีความเชื่อว่า องค์กรธุรกิจมีส่วนสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่โลกได้
องค์กรธุรกิจยุคใหม่สมัยนี้ จึงต้อง “เก่งและดี” มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความยั่งยืน วิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ยังต้องรอบด้าน นอกจากการทำธุรกิจให้เติบโตแล้ว ยังหมายถึงอีก 3 ด้านที่สมดุล คือสิ่งแวดล้อม(การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม) สังคม (การเกื้อกูลสังคมรอบข้าง) และธรรมาภิบาล (บริหารจัดการดีมีความโปร่งใส)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) (BAY) สถาบันการเงินชั้นนำของไทยเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นพันธมิตรกับ Care the Wild มาตั้งแต่เริ่มต้น(9 ก.ย.2563) ร่วมโครงการปลูกป้อง “Plant & Protect” ปลูกและปกป้องดูแลต้นไม้ให้กลายเป็นผืนป่าใหญ่ ปลูกป่าต่อเนื่องนับถึงปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว...มาร่วมเรียนรู้ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” ผ่านบทเรียนของ BAY กันดีกว่า
โอกาสและความท้าทายที่รอไม่ได้
เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องในวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ National Annual Tree Care Day (21 ต.ค.ของทุกปี) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) (BAY) ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และกรมป่าไม้ รวมทั้งพี่น้องชาวชุมชนบ้าน พุตูม ต.ห้วยลึก อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี รวมแล้วกว่า 80 คน ร่วมแรงร่วมใจขึ้นเขาไปทำกิจกรรมใส่ปุ๋ยบำรุงต้นไม้และสร้างฝายชะลอน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น ปลายฝนต้นหนาวแดดแรง หากเสียงหัวเราะและใบหน้าเปื้อนยิ้มของทุกคนสะท้อนให้เห็นถึงหัวใจจิตอาสาเต็มร้อย ช่วยกันคนละไม้คนละมืออย่างสนุกสนาน
วีระศักดิ์ ศิริกุล ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมเพื่อสังคม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) (BAY) กล่าวว่า เป้าหมายในการสร้างความเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ได้กลายเป็นเป้าหมายร่วมของคนทั้งโลกที่มีเดิมพันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ภาวะโลกร้อนหรือน้ำท่วมจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในทุกวันนี้ กำลังเป็นวิกฤตที่คุกคามทุกคน
“ธนาคารฯมองเรื่องนี้ในแง่มุมความรับผิดชอบ BAY ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก ESG สิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาลที่ดี จะเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของเรา”
องค์กรยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพราะการอยู่รอดหรือยั่งยืนอย่างแท้จริงได้ ต้องมีรากฐานสภาวะแวดล้อมที่ดี คุณปรับตัวได้ คุณเอาตัวรอดได้ แต่ที่สุดแล้วคุณอยู่คนเดียวไม่ได้ สำหรับ BAY การเดินทางสู่เป้าหมายความยั่งยืนคือการทำธุรกิจที่สอดคล้องอย่างเป็นระบบระหว่างเศรษฐกิจ (ธุรกิจเติบโตมีกำไร) กับ ESG ที่ไปด้วยกัน
การปลูกป่าที่ป่าชุมชนบ้านพุตูม ต.ห้วยลึก อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้สายงาน ESG ของธนาคารฯ โดยผืนป่าแห่งนี้มีพื้นที่ปลูกต้นไม้เสริมรวม 15 ไร่ สภาพพื้นที่เป็นป่าเต็งรัง ชนิดพันธุ์ไม้ในพื้นที่มีสัก หว้า สะเดา มะขามป้อม ประดู่ป่า แดง พะยูง เสลาและคูน เป็นต้น นับเป็นผืนป่าแห่งที่ 8 ในโครงการ Care the Wild ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
“ธนาคารฯจับมือกับ Care the Wild ตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากเห็นในความมุ่งมั่นเพื่อสังคมของตลาดหลักทรัพย์ ที่สำคัญคือเห็นความสำคัญของระบบ Collaboration Platform กลไกการระดมทุนและความร่วมมือที่ออกแบบมาภายใต้เงื่อนไขที่ทำได้จริง ซึ่งจะทำให้การปลูกป่าได้ผล”
องค์กรธุรกิจแม้มีความพร้อม มีความคล่องตัว ตลอดจนมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ถ้าขาดระบบหรือกลไกที่เอื้ออำนวย พลังอาจไม่แข็งแกร่งพอจะขับเคลื่อน สำหรับ Collaboration Platform เป็นนวัตกรรมแพลตฟอร์มที่ออกแบบให้รองรับการทำงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ ในอันที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนโดยการสร้างพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นต้นทางของการสร้างภาวะสมดุลให้สภาพภูมิอากาศ
แนวทางคือการปลูกต้นไม้ใหม่ การปลูกต้นไม้เสริม และการส่งเสริมดูแลต้นไม้ ภายใต้แนวคิด “ปลูกป้อง Plant &Protect” หมายถึง ปลูกและดูแลปกป้องต้นไม้ที่ปลูกจนกว่าจะเติบโตกลายเป็นผืนป่าอย่างแท้จริง ผู้สนใจร่วม “ทีมปลูกป้อง” เริ่มจากการเลือกพื้นที่ป่าที่ต้องการ จากนั้นบริจาคเงินเป็นทุนต้นละ 220 บาท และดูแลไม้ที่ปลูกได้ 10 ปี ด้วยเป้าหมายต้นไม้ที่ปลูกต้องรอดและเติบโต 100 %