
Key Points 
1. ความสำคัญของการจัดการสภาพคล่อง
	- การจัดการสภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การขาดสภาพคล่องอาจทำให้ธุรกิจไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือเงินเดือนพนักงานได้
 
2. 3 วิธีหลักในการจัดการสภาพคล่อง
	- การวางแผนสำรองเงินสด: การมีเงินสดสำรองสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (เช่น การชำรุดของอุปกรณ์) 
 
	- การบริหารรายรับและรายจ่าย: การติดตามรายรับและรายจ่ายช่วยให้มั่นใจว่าเงินสดในธุรกิจเพียงพอ 
 
	- การจัดการวงจรเงินสด: การตรวจสอบและปรับปรุงวงจรเงินสดให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้การดำเนินธุรกิจราบรื่น
 
3. ข้อควรพิจารณาสำหรับการสำรองเงินสด
	- การวางแผนสำรองเงินสดควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในช่วง 3-6 เดือน แต่สามารถขยายออกไปถึง 12 เดือนขึ้นอยู่กับธุรกิจ
 
	- การมีแหล่งเงินทุนภายนอก เช่น วงเงินเครดิต สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินได้
 
4. การตรวจสอบทางการเงิน
	- ควรตรวจสอบยอดเงินในบัญชีและรายงานการเงินอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจจับปัญหาสภาพคล่องได้เร็ว
 
	- รายงานการเงินที่ชัดเจนช่วยในการวางแผนการเงินที่ดีขึ้นและสามารถมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้
 
5. การบริหารความเสี่ยงในช่วงวิกฤต
	- การมีเงินสดสำรองจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับช่วงที่ไม่มีรายได้ เช่น ช่วงวิกฤตโควิด-19 และสามารถใช้โอกาสในการขยายธุรกิจเมื่อมีโอกาส
 
6. การจัดการค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
	- ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าเช่าพื้นที่ และพิจารณาย้ายสถานที่เพื่อลดค่าใช้จ่าย
 
	- การบันทึกรายละเอียดค่าใช้จ่ายและรายได้ช่วยให้สามารถตั้งราคาขายที่เหมาะสมและเข้าใจสภาพการเงินของธุรกิจ
 
7. แนวทางการสำรองเงินสดสำหรับ SE
	- สำหรับธุรกิจ Social Enterprise (SE) การสำรองเงินสดควรอยู่ระหว่าง 18,000-80,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและสภาพของธุรกิจ
 
	- หากมีเงินสดมากเกินไป อาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุนที่จะช่วยเพิ่มรายได้
 
การจัดการสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ SE สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินและสร้างโอกาสในการเติบโตได้มากขึ้น
 
 
Key Points 
	- การบริหารวงจรเงินสด (Cash Cycle)
	
		- เน้นการปรับวงจรเงินสดให้สั้นลงด้วยการ "รับเงินเร็ว-จ่ายเงินช้า"
 
		- ตัวอย่างธุรกิจเสื้อผ้า: ใช้เวลา 45 วันในการหมุนเงิน (เริ่มจากซื้อวัตถุดิบ → ผลิต → ขาย → รับชำระเงิน)
 
	
	 
	- การจัดการสินค้าคงคลัง
	
		- ควบคุมระดับสต็อกให้สมดุล:
		
			- ไม่สต็อกมากเกินไป → ลดการกักเงินสด
 
			- ไม่สต็อกน้อยเกินไป → ป้องกันการขาดสินค้า
 
		
		 
		- ใช้หลัก ABC Analysis: จัดกลุ่มสินค้าตามมูลค่าสต็อกเพื่อจัดสรรทรัพยากร
 
	
	 
	- ส่งเสริมการรับชำระเงินเร็ว
	
		- ใช้กลไกสร้างแรงจูงใจ เช่น:
		
			- ส่วนลดจ่ายเงินทันที (Cash Discount)
 
			- กำหนดเครดิตเทอมชัดเจน (Credit Term)
 
		
		 
		- ตัวอย่าง: ให้ส่วนลด 2% หากลูกค้าชำระเงินภายใน 10 วัน
 
	
	 
	- กลยุทธ์รักษาสภาพคล่อง
	
		- เพิ่มสัดส่วนการขายเงินสด (Cash Sale)
 
		- เจรจากับซัพพลายเออร์เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้
 
		- ใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น บัตรเครดิตธุรกิจเพื่อจัดการกระแสเงินสด
 
	
	 
	- ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ
	
		- สร้างสมดุลระหว่าง "การเติบโต" กับ "ความยั่งยืน"
 
		- ลดความเสี่ยงขาดสภาพคล่อง → มุ่งเน้นการสร้าง Impact ทางสังคมได้ต่อเนื่อง
 
		- ตัวอย่างจริง: ธุรกิจ SME ที่ปรับวงจรเงินสดสำเร็จ → เพิ่มมูลค่าธุรกิจ 30% ภายใน 1 ปี
 
	
	 
 
